ภาวิตา ยะสะนพ

Volunteer team in IJGD

ฉันชื่อ น.ส.ภาวิตา ยะสะนพ ชื่อเล่น เบคก้า เป็นอาสาสมัครในโครงการ Weltwärts ประเทศเยอรมันนี เป็นระยะเวลา 12 เดือน ในศูนย์ดูแลคนพิการ โดยองค์กรที่ฉันอยู่นั้นเป็น Day care สำหรับคนพิการที่มีอายุตั้ง 18 ปีขึ้นไป เป็นเหมือนกับสถานที่ที่บุคลเหล่านี้จะได้มาทำงานและใช้ศักยภาพของตัวเองในการทำกิจกรรมต่างๆร่วมกับผู้พิการคนอื่นๆในกลุ่มและในทุกๆวัน จันทร์-ศุกร์ คนพิการเหล่านี้จะมาที่ศูนย์ ในตอนเช้าตั้งแต่เวลา 8.00-15.00 น. เพื่อทำงานร่วมและกิจกรรมร่วมกัน แต่ละกลุ่มจะมีคนพิการจำนวน 8-9 คน และเจ้าหน้าที่ดูแล 3-4 คน สิ่งที่พวกเราทำกันประจำในแต่ละวัน ก็จะเป็นการจัดเตรียมโต๊ะสำหรับมื้ออาหารในตอนเช้า และตอนเที่ยง,กิจกรรมสันทนาการต่างๆ เช่น ร้องเพลง เต้น เล่นเกมส์,งานประดิษฐ์,ทำสวน,ไปซื้อของในซูปเปอร์มาเก็ต ฯลฯ และที่สำคัญคือในแต่ละปี ทุกๆกลุ่มจะมีโปรเจคที่รับผิดชอบและทำร่วมกัน ซึ่งกลุ่มที่ฉันอยู่ทำโครงการเกี่ยวกับประเทศกรีก และกิจกรรมของพวกเราก็จะทำ อาหาร เครื่องดื่ม งานประดิษฐ์ เพลง หรือแม้บริบทโดยรอบเกี่ยวกับประเทศกรีก ซื่งตอนแรกมันไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่พึ่งจบมัธยมปลาย และไม่มีความรู้ใดๆเลยในการดูแลและทำงานร่วมกับคนพิการแบบฉัน ซึ่งแน่นอนว่าคนพิการไม่ใช่คนปกติแบบพวกเราที่สามารถทำอะไรๆเองได้แบบพวกเรา จึงต้องมีการดูแลอย่างเช่น ป้อนข้าว ป้อนน้ำ และการเปลี่ยนผ้าอ้อมหรือทำความสะอาดหลังจากเสร็จธุระ ในฐานะอาสาสมัครงานจริงๆก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องทำทุกอย่าง แค่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่หลักเวลาที่เค้าต้องการความช่วยเหลือ แต่มันจะยากตรงที่คนพิการแต่ละคนมีความบกพร่องและความต้องการที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งมันต้องใช้เวลาสักระยะนึงในการเรียนรู้ และด้วยปัจจัยอื่นๆอีก เช่น การต้องมาอยู่ด้วยตัวเองในที่ที่ห่างไกลจากบ้าน และครอบครัว ต้องปรับตัวกับสภาพแวดล้อม ยอมรับเลยว่ามันค่อนข้างหนักในช่วงแรกๆ บางครั้งฉันรู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องเปิดรับสิ่งใหม่ๆอยู่ตลอด รู้สึกหมดกำลังใจ หรือไม่แรงผลักดัน ฉันก็มักจะมีคำถามกับตัวเองว่า ฉันมาที่นี่เพื่ออะไร? ฉันต้องการอะไรจากที่นี่? และไม่ว่าจะคิดในมุมไหนมันก็จะออกมาเป็นคำตอบเดียวกันหมด นั่นก็คือ “การเก็บเกี่บวประสบการณ์” ฉันได้เรียนรู้มากมายหลายสิ่งใน 1 ปี ไม่ใช่แค่ในด้านการเป็นอาสาสมัครหรือทักษะการทำงานแค่อย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการท้าทายตัวเองในสิ่งใหม่ๆ, การเอาชนะความกลัวและกล้าที่จะตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าในชีวิตนี้จะโอกาสได้ทำ, การเข้าใจเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น เพราะการทำงานกับบุคคลเหล่านี้สิ่งสำคัญคือการเปิดใจให้กว้างที่สุด, การทำงานร่วมกับคนอื่นๆในสังคมที่มีความแตกต่างและความหลากหลาย, การใช้ชีวิตด้วยตัวเอง, การเอาชนะและก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆด้วยตัวเอง เพราะ 1 ปีที่ผ่านมา แน่นอนว่ามีอุปสรรคและเรื่องราวต่างๆที่ทำให้ฉันท้อและยากที่ผ่านมันไปได้ และฉันได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดเวลาที่มีอุปสรรคต่างๆเข้ามานั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การรักตัวเองให้มากๆ กอดตัวเองให้แน่นๆ แล้วทุกอย่างมันจะผ่านไป มันอาจจะไม่ง่าย แต่ถ้าทำได้ มันจะเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดสำหรับตัวเราเอง สุดท้ายฉันต้องขอบคุณครอบครัวของฉันที่คอยให้กำลังใจ สนับสนุน และคอยอยู่ข้างๆกันตลอดไม่ว่าฉะนจะตัดสินใจทำอะไร ขอบคุณดาหลา ที่สนับสนุนเปิดโอกาสให้ฉันได้มาเรียนรู้ หาประสบการณ์และเปิดโลกกว้างไกลถึงถึงประเทศเยอรมันนี

ชื่อโครงการ  เกษตรอย่างยั่งยืน

(ทำสวน ปลูกพัก และ แลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรม อาหาร นานาชาติ)

ค่ายบ้านโคกเหรียง  อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา

ระยะเวลาโครงการ ตลอดทั้งปี

ประวัติโครงการ

ดาหลาเริ่มกิจกรรมกับบ้านโคกเหรียงตั้งแต่เดือนภุมภาพันธ์ 2556 เปิดเป็นโครงการระยะยาวต่อเนื่อง รับอาสาสมัครตลอดทั้งปี โดยมีกิจกรรมหลักคือ ทำเกษตร มีเจ้าของโครงการชื่อลุงแจงที่อยากทำเกษตรแบบปลูกเพื่อกิน ลุงแจงมีความคิดเกี่ยวกับการกินอาหารที่ปลอดภัย จะทำให้สุขภาพดี เพราะลุงแจงมีโรคประจำตัว(โรคหัวใจ) เลยต้องดูแลเรื่องการกินเป็นพิเศษ

ดาหลารู้จักลุงแจงได้อย่างไร เมื่อปี 2549 ดาหลาได้ร่วมงานกับชมรมคนแบกเป้มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ เพ่อดำเนินกิจกรรมด้านการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ จากนั้นดาหลา ชมรมคนแบกเป้และลุงแจงก็ได้ร่วมกิจกรรมด้วยกันมาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั้งเมื่อปี 2556 ลุงแจงได้ลาออกจากงานประจำ เพื่อมาทำสวน ลุงแจงและเพื่อนมีความคิดอยากปลูกผักกินกเอง ปลูกแบบผสมผสานทุกอย่างในพื้นที่สวน 8 ไร่  ซึ่งในอนาคต ลุงแจงคาดหวังอยากให้พื้นที่บ้านลุงแจงเป็นพื้นที่ให้ชาวบ้าน รวมถึงคนจากชุมชนข้างนอกสามารถเข้ามาร่วมเรียนรู้ด้วยกันได้ ดาหลาจึงสนับสนุนความคิดของลุงแจง ด้วยการเสนอให้มีอาสาสมัครนานาชาติในพื้นที่ ไว้เป็นพื้นที่แห่งการเรียนรู้ร่วมกันในเรื่องการเกษตรต่อไป เมื่อโครงการได้เริ่มขึ้น ดาหลาได้ส่งอาสาสมัครระยะยาวอย่างต่อเนื่อง และได้จัดกิจกรรมค่าระยะสั้นเป็นเวลา 2 สัปดาห์บ้างในบางเดือน เพื่อเปิดพื้นที่ให้คนที่อยากทำทำสวน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้การเกษตร บางเวลาก็มีกลุ่มเยาวชนจากพื้นที่ต่างๆมาร่วมกิจกรรมด้วย เช่น กลุ่มยิ้มจากยะลา กลุ่มเยาวชนโรงเรียนคลองโต๊ะเหล็ม จังหวัดสตูล เป็นต้น

กิจกรรมที่จะทำ

– ทำเกษตรเช่น ปลูกผัก เลี้ยงปลา รดน้ำพืชผัก ผลไม้ ในสวน เวลาทำงานแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงเช้าเวลาประมาณ 7-10 โมง และช่วงเย็น16.00-18.00 น.

–  แลกเปลี่ยนเรียนรู้กิจกรรม วัฒนธรรม อาหาร กับเพื่อนอาสาสมัครนานาชาติ

บริบทชุมชน

บ้านโคกเหรียงตั้งอยู่ที่ ตำบลโคกม่วง อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา  อยู่ห่างจากสนามบินหาดใหญ่ประมาณ 5 กิโลเมตร ชาวบ้านนับถือศาสนาพุทธ ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำสวนยางพารา แต่ก็มีบางส่วนที่เดินทางออกมาทำงานในตัวเมืองหาดใหญ่ เนื่องจากบ้านโคกเหรียงเป็นชุมชนใกล้เมือง ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ให้ความสนใจในเรื่องการเพาะปลุกผักกินเอง ทั้งๆที่พื้นที่เหมาะแก่การเพาะปลูก เน้นการซื้อจากท้องตลาดเป็นหลัก เช่นเดียวกันท้องทุ่งนาก็ได้ปล่อยว่างไม่มีการทำนา มีเพียงบางครอบครัวเท่านั้นที่ยังคงทำอยู่ มีร้านค้าชุมชนเป็นจำนวนมาก ไม่มีตู้ ATM กดเงินสด

อาหาร

รับประทานอาหารทุกประเภท แต่ลุงแจงเจ้าของโครงการจะทำอาหารเพื่อสุขภาพเป็นหลัก เพราะลุงแจงจะให้ความสำคัญเรื่องกินมากที่สุด การทำอาหารลุงแจงจะเป็นคนทำเป็นหลัก อาสาสมัครจะต้องช่วยลุงแจงในการเตรียมอาหารและบางครั้งจะต้องทำอาหารเองบ้าง มีครัวสำหรับที่ทำอาหารเพียบพร้อม อาหารที่บ้านลุงแจง ไม่มีการใส่ผงชูรส รสดี หรือส่วนผสมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ และลุงแจงเน้นเรื่องความสะอาดและความเป็นระเบียบของของบ้าน

ที่พัก

อาสาสมัครพักที่บ้านของลุงแจง ตอนนี้มีห้องพักสำหรับอาสาสมัคร 3 ห้อง ห้องละ 2 คน แยกนอนชายหญิง เว้นแต่กรณีที่แต่งงานแล้วสามารถอยู่ด้วยกันได้ หรือถ้ามีค่ายระยะสั้นเกิดขึ้น จำนวนอาสาสมัครหลายคน ก็จะนอนในบริเวณพื้นของบ้าน มีมุ้ง และเต้นท์ ไว้สำรอง พื้นบ้านเป็นโล่งโถ่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก

ซักผ้า
ซักผ้ากับเครื่อง แต่ห้ามซักชุดชั้นใน กางกางใน  ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม เตรียมมาเอง

ห้องน้ำ

มีห้องน้ำสำหรับอาสาสมัคร 2 ห้อง สามารถใช้ส้วมและอาบน้ำในห้องเดียวกัน
คุณสมบัติของอาสาที่จะเข้าร่วม

–  ชอบทำเกษตร และชีวิตแบบเรียบง่าย  ทำงานในที่ที่มีอากาศร้อนได้

–  ใจกว้าง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้

–  มีความคิดสร้างสรรค์ และสนใจกิจกรรมต่างๆ

จำนวนอาสาสมัครระยะยาวที่เปิดรับสมัคร

–   อาสานานาชาติ 5 คน

–   อาสาสมัครไทย  2 -3 คน

การติดต่อสื่อสาร

สัญญาณโทรศัพท์ใช้ได้ทุกระบบ มีอินเตอร์เน็ต สามารถใช้ WIFI ได้ แต่ต้องไม่ใช้ในเวลาที่ทำงาน สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้เมื่อเป็นเวลาพักผ่อนเท่านั้น

การเดินทาง

–  จากกรุงเทพ สามารถเดินทางโดยรถไฟ มาลงที่สถานีหาดใหญ่  หลังจากนั้นต่อรถสองแถวสีฟ้าหรือสีขาว ที่เขียนว่าสนามบิน หรือตลาดเกษตรแต่ต้องเดินออกมาจากสถานีรถไฟหาดใหญ่ มาขึ้นรถสองแถวที่หน้าตลาดกิมหยง (สามารถถามแม่ค้าระหว่างทางได้) ใช้เวลาในการเดินไปตลาดกิมหยงประมาณ 10 นาที และใช้เวลาในการนั้งรถสองแถวประมาณ 20 นาที ค่าโดยสารประมาณ 10 บาทตลอดสาย เมื่อถึงที่ศูนย์โตโยต้าหาดใหญ่ในให้เตรียมตัวกดกริ่งลงหน้าหมู่บ้านรติมา เดินเข้าซอยเพชรเกษม 43 (จุดสังเกต ป้ายสีเขียนเขียนว่า พอตารีสอร์ท) เดินเข้าซอยประมาณ 5 นาที สำนักงานดาหลาอยู่กลางซอย มีป้ายดาหลาติดอยู่ในบ้านสามารถเห็นได้ชัด บ้านเลขที่ 86

–   รถบัส กรุงเทพ หาดใหญ่ หลังจากนั้นต่อรถสองแถวสีฟ้าหรือสีขาว ที่เขียนว่าสนามบินขนส่ง หรือตลาดเกษตรแต่ต้องเดินออกมาจากสถานี บขส.หาดใหญ่ มาขึ้นรถสองแถวที่หน้าเซเว่นอีเลเว่น (สามารถถามแม่ค้าทางได้) ใช้เวลาในการนั้งรถสองแถวประมาณ 35 นาที ค่าโดยสารประมาณ 10 บาทตลอดสาย เมื่อถึงที่ศูนย์โตโยต้าหาดใหญ่ในให้เตรียมตัวกดกริ่งลงหน้าหมู่บ้านรติมา เดินเข้าซอยเพชรเกษม 43 (จุดสังเกต ป้ายสีเขียนเขียนว่า พอตารีสอร์ท) เดินเข้าซอยประมาณ 5 นาที สำนักงานดาหลาอยู่กลางซอย มีป้ายดาหลาติดอยู่ในบ้านสามารถเห็นได้ชัด บ้านเลขที่ 86

–  เครื่องบินจากกรุงเทพ ลงสนามบินหาดใหญ่ หลังจากนั้นต่อรถสองแถวสีฟ้า ที่เขียนว่าขนส่ง สนามบิน หรือตลาดเกษตรแต่ต้องเดินออกมาจากสนามบินหาดใหญ่ มาขึ้นรถสองแถวที่หน้าถนนทางออก (สามารถถามผ่านประชาสัมพันธ์ได้) ใช้เวลาในการนั้งรถสองแถวประมาณ 20 นาที ค่าโดยสารประมาณ 20 บาทตลอดสาย เมื่อถึงที่ราชาเฟอร์นิเจอร์ให้เตรียมตัวกดกริ่งเดินข้ามถนนมาอีกฝั่ง สังเกตชื่อหมู่บ้านรติมา เดินเข้าซอยเพชรเกษม 43 (จุดสังเกต ป้ายสีเขียนเขียนว่า พอตารีสอร์ท) เดินเข้าซอยประมาณ 5 นาที สำนักงานดาหลาอยู่กลางซอย มีป้ายดาหลาติดอยู่ในบ้านสามารถเห็นได้ชัด บ้านเลขที่ 86
เงื่อนไขการร่วมโครงการ

1.ต้องเสียค่าบำรุงสมาคมเดือนละ 3,500 บาทซึ่งจะนำมาเป็นค่าอาหารสำหรับผู้เข้าร่วม ค่าที่พัก ค่ากิจกรรมต่างๆ ของสมาคม

2.ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และต้องแจ้งผู้ปกครองให้รับทราบก่อนเข้าร่วมโครงการ

3.ผู้เข้าร่วมเป็นผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของตนเอง

4.ผู้เข้าร่วมต้องร่วมกิจกรรมอย่างน้อย 1 เดือน

5.ของส่วนตัวผู้เข้าร่วมต้องเตรียมเอง (ยาสระผม ผงซักฟอก แป้ง สบู่ )

สิ่งที่ต้องเตรียมมาร่วมค่าย

1.ถุงนอน หรือผ้าห่ม

2.เสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ 2 สัปดาห์ (ผู้หญิงเสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้นไม่อนุญาตใส่ระหว่างค่าย)

3.เสื้อผ้าสำหรับใส่ทำงาน สามารถสกปรกได้ และไม่เสียดายทีหลังค่ะ

4.อุปกรณ์กันแดด หมวก ครีมกันแดด

5.ถุงมือ และรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหุ้มส้น สำหรับทำงาน

6.รูปถ่าย หรืออาหารท้องถิ่นของตนเอง (สำหรับมาแลกเปลี่ยนกับผู้ร่วมค่ายคนอื่น ๆ)

7.สเปรย์กันยุง (กรุณาเลือกอันที่เป็นมิตรกับสิงแวดล้อม)

8.ไฟฉาย (เลือกแบบที่สว่างมาก ๆ และควรเป็นแบบชาร์จแบตเตอรี่ )

9.ความคิดสร้างสรรค์ เกมส์ เพลง เพื่อความบันเทิงในค่าย

10.ความคิดด้านบวก มองโลกในแง่ดี และรอยยิ้มที่สดใส

11.เมล็ดพันธ์ผัก (ถ้ามี)

สิ่งที่ห้ามนำมาในค่าย

1.สารเสพติด

2.แอลกอฮอล์

3.อคติ หรือความคิดด้านลบ

สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ

สมาคมอาสาสมัครนานาชาติเพื่อการพัฒนาสังคม (ดาหลา)

86 เพชรเกษม 43 ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา  90110

www.dalaa-thailand.com

Email: dalaa.thailand@gmail.com

Tel. 074 266 286

Creative English teaching and activities with kids)
DaLaa MLTV project – code: 1702

Periods available: All year round (except March, April and October)
at least 2 months

Expected number of volunteers: 2 to 4

SHORT DESCRIPTION

Volunteers will join a small Muslim community of South Thailand on the banks of Songkhla Lake. They will organize activities for children of the local school and share the life of the villagers.

HISTORY and REASONS OF THE PROJECT

Ko Nang Kham is a small village situated in Pattalung province, close to the middle part of Songkhla Lake which is Thailand’s biggest lake. The community area is a small island inside the lake so the main career of the villagers is fisheries. Some work on rubber and palm plantation, fruit orchards or shrimp farm. During free time, some villagers gain some extra income from making and selling local desserts and fruit preservation, for instance. You may find more information about Songkhla lake on this following website: http://en.wikipedia.org/wiki/Songkhla_Lake. The villagers of Koh Nang Kham are Muslim.

The School

Ban Ko Nang Kham School was founded in 1928. It’s a local governmental, educational opportunity-expanded school offering classes from kindergarten to grade 9. There are around 189 pupils and 16 teachers. In the village, there’s a mosque where it is centred to bring all Muslims in the community to join in religious activities such as Friday prayer. The long-lasting folk wisdom passing on from one generation to another still gives them a career in the fishery industry and food process. Around the Songkhla Lake, the overwhelming ecosystem of natural resources, aquatic animals, fruits of the palm trees and many other things that people there can make use of, they are still greatly abundant in the present day. This teeming treasure behind this richness still gives them every day’s earnings and it has laid great benefit in preservation from generation to generation.

Mr. Somhit Chobngam (Crue Chem), the project initiator, positioned currently in Ban Ko Nang Kham Nuea School together with his co-mate, Miss Aree Leesom positioned presently in Ban Ko Nang Kham School. Both schools are in the same neighbourhood. Crue Chem contacted DaLaa first in 2015 to discuss the possibility of hosting international volunteers as he saw the importance of improving learning methods for the students. He hopes that children can learn about language and cultures naturally by doing activities with volunteers.

In 2015, we organized the first short-term work camp in Ban Ko Nang Kham Nuea School. Other work camps held yearly after that and we had the first team of middle-term volunteers in 2017 for 2 months. The results were very positive and it drew a lot of intention for kids and their families.

In small communities in Thailand, local people hardly have contacts with foreigners, while students are getting pressured from the current educational system to study English but they never have a chance to meet any foreigners. Therefore, this will give them the chance to gain motivation to learn and explore cultural diversity by doing creative activities with international volunteers.

Having international volunteers to learn about local fisherman’s lifestyle, it will help the fishermen to feel more motivated to preserve their local knowledge and wisdom. Apart from that, volunteers can also become the link between children and villagers to take part in this community learning activities.

                            

AIMS of the PROJECT

•           To support in all school’s activities

•           Children and adults can learn English with volunteers

•            2-way learning process between local children/ villagers and volunteers

•            Better understanding of local culture

•            To build a good relationship between volunteers and local people

WORK AND ACTIVITIES

Volunteers will be arranging creative activities with students. They will be supervised by the teachers. Depending on the volunteers’ skills, they will be proposed to organize activities with each class from Grade 1 to Grade 9 twice a week (1-hour session). The idea is that 1 session is more about the English language while the other one is free to decide.  Outside the school, a few villagers are willing to invite volunteers to learn about the local fisherman lifestyle on Songkhla Lake and organize other common activities.

REQUIREMENTS

  • Volunteers who apply for this project should be over 20 years of age and/or have a Bachelor’s Degree. This is specifically required by the school.
  • Volunteers should be ready to stay in a remote area, to adapt to the local conditions with basic facilities and with very few people able to speak in English.
  • Volunteers should be able to handle the spontaneous working environment and constant changes in the plans. The mentality and way of thinking are very different from the western world.  There will have often activities with the children.
  • To have creativity in providing learning activities for kids and join in activities related to school’s matters
  • Be open-minded, be positive-thinking and be ready to get involved in community’s matters
  • Last but not least, love being around with kids J

FOOD and ACCOMMODATION

Volunteers will stay in a local house situated in the village center. There are a kitchen and bathroom in the house. Volunteers can go on foot to the project school which is not far. There will be a simple mat, pillow and mosquito net. You may need to bring your own sleeping bag and other sleeping gear for your comfort. Lunch will be offered at school. There are some small grocery shops in the village and a lot of fish from the fishermen.  Local people eat rice (or noodles) 3 times a day with side dishes like curries, omelettes, local leaves and vegetables. Remember there are no pork products provided in the village. Be reminded of not bringing non-halal food or alcohol drink to your house or school. This may sound serious when you first hear it. It is not as that strict as you may imagine. Just the food (pork products and alcohol) that it is not appreciated in the Muslim community.

(School English teaching- Linking a spiritual project with the local community)
DaLaa MTV project – code: 1902

Available application period: May to August 2020 and November 2020 to February 2021

Expected number of volunteers: 2-3

SHORT DESCRIPTION

We are a family of 3, working on alternative education, coaching for self awareness, women empowerment, and conflict resolution for over 15 years. We moved to live in a garden for the last 6 years and started to plant trees and build houses for ourselves, volunteers and visitors we often welcome. We started to teach English at the local school a few times and see the needs for community development. We would like to promote alternative education, self-reliance and working with Thai and foreign volunteers to improve the life of the community and society.

AIMS of the PROJECT

– To support local kids and young people to become able to communicate with foreigners and to learn from cultural exchange

– To improve the self-awareness of kids and young people and provide a creative space to express themselves.

– To create an open space for organic farming, towards a self-reliant an ecological community

WORK

– Volunteers will organize English and Art lessons and games to primary school children (7 to 12 years old) both at the community schools (2-3 days a week) and at the Garden of Tranquility.

– Volunteers will work on an artistic clay building. We finished building 2 clay houses and 1 library. We are now building a big meditation hall and family house, plus another volunteer house, all from clay.

– Volunteers will grow vegetables and plant trees, water them, make compost and collect fruits like bananas and mangoes.

OTHER ACTIVITIES

– We will discuss and practice exercises for self-awareness.

– You will have chance to discover the community and the area around the Garden of Tranquility.

– Daily tasks, including going to the market, cooking and cleaning around

– Other creative activities or discussions proposed by volunteers

REQUIREMENTS

– Volunteers should be interested in education for children, ready to lead a small group of kids on a chosen activity: English teaching, art or other.

– Volunteers should be ready to adapt to the Thai, local way of life, and willing to create relationships with volunteers’ friends, hosts and local people. Some difficult points could be mosquitoes and insects, eating rice at every meal, language and culture barrier, missing feedback, changing plans often.

– Volunteers should be able to stay in a remote environment, without public transport, not expecting to go to town or city often.

– Volunteers should be ready to put their hands in the dirt both for gardening and clay building.

– Volunteers should be able to take responsibility for themselves and the team by taking care of their health and security and be fully involved in the daily tasks and discussions.

**As we have a kid, we do not want our kid to see volunteers drinking and smoking in public area at the garden. We provide a specific space for this.

** Clothes worn in the village- schools and temple: skirts or shorts long enough to cover your knees also when you are sitting. Women should wear tops that cover their shoulders, no low neckline. Bikinis are not appropriate to swim if you go on holidays. Please wear long shorts and a top instead.

FOOD and ACCOMODATION

– We will take turn to cook 3 meals a day, suitable for vegetarians.

– Volunteers will live in a small clay house.

– Mosquito nets, pillows, blankets and mattresses are provided.

– Good quality shared bathrooms and kitchen.