ระหว่างเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2557
ค่ายแรกที่ออสเตรีย ได้ทาสีตึกค่ะเพื่อเตรียมงาน Refugee festival งานไม่มีอะไรมากแต่ได้เรียนรู้ issue ที่เกิดขึ้นกับประเทศนี้และกับผู้อพยพทั้งหลาย ซึ่งก่อนหน้าไม่ค่อยรู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่อง ภายในยุโรปและประเด็นเกี่ยวกับผู้ลี้ภัย สิ่งที่น่าเสียดายที่สุดคือ ไม่ได้อยู่ร่วมงาน festival ค่ะ เพราะ เกิดจากปัญหาเรื่องการสื่อสารที่ว่าก่อนไป ได้ถามทางองค์กรผู้จัดค่ายไปแล้วว่า เราอยู่ร่วมงานได้ไหม แต่เขาก็ไม่ตอบกลับมา และตอนนั้นใน infosheet เขาก็ไม่บอกว่าเป็นวันที่เท่าไหร่
ค่ายที่สองที่เชก ได้ทาสี cottages ค่ะ แต่สำหรับเอ ค่ายนี้สนุกสุดในสี่ค่ายแล้วค่ะ เพราะว่าเพื่อนดี ผู้นำค่ายดี และได้ทำอะไรหลาย ๆ อย่างเช่น ระหว่างค่ายเขาก็จะพาไปเดินป่าที่พวกเราเรียกว่า funny way ซี่งไม่ funny ตรงไหนเลยค่ะ เพราะทางมันลำบากมาก แต่พอไปถึงแล้วก็คุ้มค่ะ และก็พาไป โรงงานเบียร์ พาไปขี่ม้า ซึ่งสองอย่างหลังนี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเอเลยค่ะ และก็พาไปล่า สมบัติค่ะ ค่ายนี้ดีมากเพราะผู้นำค่ายเขาติดต่อเราตลอด ตั้งแต่ก่อนเริ่มเดินทางเลยค่ะว่าเราต้องการ ความช่วยเหลืออะไรไหม ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
ค่ายที่สามที่เชกเหมือนกัน ค่ายนี้จะเกี่ยวกับ summer camp for children with autism ค่ะ คือเราต้องดูแลน้อง ๆ ที่เป็นโรคนี้หรือโรคอื่น ๆ ร่วมกับ Czech Assistant ตั้งแต่น้องตื่นจนน้องเข้านอน ถือว่าหนักค่ะ แต่หนูโชคดีได้น้องที่ดูแลไม่ยากเท่าไหร่ เพื่อนในค่ายบางคนได้น้องที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หนักอยู่ค่ะ ในค่ายเราก็จะทำกิจกรรมร่วมกับน้อง เช่นไปเดินป่า ระบายสี ประดิษฐ์ของ ฯลฯ ซึ่งค่ายนี้ทำให้รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่เกิดมาปกติ สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ อยากทำอะไรก็ทำ เพราะน้องบางคนเขาก็เป็น Mentally/Physically disabled ค่ะ งานนี้มันไม่ได้เป็นงานหนักอย่างเดียว แต่เป็นงานที่เราต้องทำด้วยใจด้วยค่ะ เพราะหลายครั้งที่น้องเขาไม่รู้เรื่อง ว่าเราอยากให้เขาทำอะไร แต่เราก็ต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้ไปลงกับน้อง ผู้นำค่ายมักจะบอกเสมอว่า อย่าทำอะไรกับใครในสิ่งที่ไม่อยากถูกกระทำอย่างนั้น (แต่เราเห็น Czech assistant หลายคนอารมณ์เสียและลงกับน้องบ่อยมากกก แต่เพื่อนในค่ายไม่มีเลยค่ะ )
ค่ายที่สี่ เป็นค่ายรถไฟที่ฮังการี อันนี้ได้ไปทาสีรถไฟค่ะ สรุปแล้วเอเป็น Master of painting เลย ว่าไหมคะ ฮ่า ๆ อันนี้คืออยู่ในพิพิธภัณฑ์รถไฟ ซึ่งขอบอกว่า Oh My God เกิดมายังไม่เคยเห็นรถไฟบางประเภทเลยค่ะ ซึ่งในค่าย ได้เห็นรถไฟตั้งแต่สมัยโซเวียต ของจริงค่ะ และเวลาว่าง ๆ เราก็นั่งรถเข้าเมืองไปเที่ยว Budapest กันค่ะ
บทเรียนสำคัญที่ได้จากการไปร่วมกิจกรรม คือเพื่อนค่ะ ระหว่างอยู่ในค่าย ได้ไปนอนบ้านเพื่อนที่สโลวาเกีย แวะไปเที่ยวพอดี เขาตอนรับเราอย่างดีมาก เหมือนเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่งเลยค่ะ ประทับใจมาก ๆ และก็ในบางค่ายจะมี international day ได้เรียนรู้วัฒนธรรม ประเทศ ของเพื่อน ๆ อีกอย่างที่สำคัญที่ได้เรียนรู้คือ every moment counts ค่ะ เราไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้มาก่อนจนกระทั่งไปค่ายนานาชาติ เพราะบางครั้ง บางสิ่งมันผ่านมาแล้วมันก็จะผ่านไป และบางทีเราอาจจะไม่ได้ทำมันอีกแล้วในชีวิตนี้ เรื่องเพื่อนก็เหมือนกัน เพื่อนในค่ายดีมาก ๆ จนบางทีก็คิดว่าเราอยากใช้เวลาสนุกกับเพื่อนให้มากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าต่อไปจะได้เจอกันไหม
อีกเรื่องหนึ่งที่เรียนรู้คือการเปิดใจค่ะ อยู่ที่นู่นได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ เต็มเลย แต่เนื่องจากเป็นคนชอบลองอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา กลับสนุกด้วยซ้ำ ทำให้รู้สึกว่าตอนนี้โลกของเรามันกว้างมากกว่าเดิมค่ะ ซึ่งดีมากๆๆๆๆ
สำหรับคำแนะนำสำหรับคนที่สนใจไปร่วมค่ายในต่างประเทศ ควรเลือก topic ที่เราสนใจหรือตรงกับช่วงเวลาของเรามากที่สุดแล้วลองไปใช้ชีวิตในอีกแบบนึงดูค่ะ ไปลองทำอะไรใหม่ ๆ เอเชื่อว่าถ้าเราอยู่กับที่ไม่เปิดใจ ไม่ไปไหน ชีวิตเราก็เป็นแบบเดิมทุก ๆ วัน ลองออกไปใช้ชีวิตสนุก ๆ บ้างเถิดค่ะ ตลอดเกือบสองเดือนครึ่งที่เอออกไปผจญภัย ทำให้รู้สึกว่ามันสนุกกว่าอยู่ไทยอีกค่ะ และถ้ามีเวลาก็จะไปใหม่แน่นอนค่ะ